ลงทะเบียนอบรมออนไลน์หลักสูตร อุ่นใจไซเบอร์ ปี 2566 เรียนจบรับเกียรติบัตรทันทีจาก สพฐ.
ลงทะเบียนอบรมออนไลน์หลักสูตร อุ่นใจไซเบอร์ ปี 2566 รหัสหลักสูตร 65017 เรียนจบรับเกียรติบัตรทันทีจาก สพฐ.
ขอเชิญชวนผู้บริหารสถานศึกษา ศึกษานิเทศก์ ครู บุคลากรทางการศึกษา นักเรียนและผู้สนใจ ร่วมอบรมผ่านสื่อการเรียนรู้ในรูปแบบดิจิทัล หลักสูตร “อุ่นใจไซเบอร์” พัฒนาโดยความร่วมมือระหว่าง สพฐ. มจธ. กรมสุขภาพจิต และ AIS มีวัตถุประสงค์ให้ผู้เข้าอบรมสามารถใช้เทคโนโลยีได้อย่างสร้างสรรค์ ปลอดภัย และไม่ทำร้ายผู้อื่น เมื่อเรียนรู้ครบทุกตอน และผ่านการทดสอบ Post test เกณฑ์ผ่านคือ 70 % (สามารถทำซ้ำได้หลายครั้งจนกว่าจะผ่านเกณฑ์) ครูผู้ผ่านการอบรมจะได้รับ E-Certificate ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนฟรี ได้ทาง https://learndiaunjaicyber.ais.co.th ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
อุ่นใจไซเบอร์ คือ สื่อการเรียนรู้ ที่จะช่วยให้คุณครู บุคลากรทางการศึกษา นักเรียนและผู้สนใจ มีทักษะที่จะสร้างเด็กไทยให้รู้เท่าทันดิจิทัล ป้องกันการเกิดพฤติกรรมไม่พึงประสงค์บนโลกอินเทอร์เน็ต สามารถรับมือกับภัยที่จะมากับสื่ออินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดีย ปลูกฝังความรู้เท่าทันในดิจิทัล หรือ DQ ให้กับเด็กๆ เพื่อจะได้มีทักษะการใช้งานดิจิทัลอย่างชาญฉลาด
โดยทักษะด้านดิจิทัลที่เด็กไทยควรรู้เท่าทันประกอบด้วย8 ด้านดังนี้
– Digital Citizen Identity (การเข้าใจเรื่องอัตลักษณ์บนโลกออนไลน์)
– Screen Time Management (การที่เด็กรู้จักยับยั้งชั่งใจ และบริหารจัดการการใช้เวลาบนสื่อดิจิทัลได้อย่างเหมาะสม)
– Cyberbullying Management (สามารถรับมือได้อย่างเหมาะสมเมื่อถูกรังแกบนโลกออนไลน์)
– Cyber Security Management (สามารถท่องอินเทอร์เน็ตได้อย่างปลอดภัย)
– Digital Empathy (การรู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา รู้จักเห็นอกเห็นใจผู้อื่น)
– Digital Footprints (การเข้าใจถึงร่องรอยบนโลกดิจิทัลที่เราทิ้งไว้ และผลที่อาจตามมา)
– Critical Thinking (การคิดอย่างมีเหตุผล)
– Privacy Management (การรู้สิทธิ และรักษาความเป็นส่วนตัวของตัวเอง)
วิธีการดาวน์โหลด ประกาศนียบัตรออนไลน์
ดาวน์โหลด ประกาศนียบัตรออนไลน์ หลังจากเรียนรู้ครบ 100% และสอบผ่านแบบทดสอบหลังเรียน (Post-Test)ง่ายๆ เพียง 3 ขั้นตอน
1. เข้าไปที่เส้นทางการเรียนรู้
2. เลือกเมนูด้านบน หัวข้อ ประกาศนีบัตรออนไลน์
3. คลิก ดาวน์โหลด
ที่มา :: https://www.kruachieve.com/
หลักสูตรอุ่นใจ
อุ่นใจไซเบอร์ หลักสูตรและทักษะดิจิทัลที่ AIS ผลักดันให้เป็นแบบเรียนของเยาวชน
ทุกวันนี้สื่อโซเชียลและเครื่องมือด้านดิจิทัลเทคโนโลยีต่างๆ เป็นเหมือนกับปัจจัยที่ 5 ในชีวิตที่ผู้คนขาดไม่ได้ โครงการ อุ่นใจไซเบอร์ จึงเกิดขึ้นเพื่อสร้างความปลอดภัยในการใช้งานมากยิ่งขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อสื่อสารกับคนทั่วโลกที่ทำได้สารพัดรูปแบบ สารพันช่องทาง ไปจนถึงการช้อปปิ้ง สั่งอาหาร จองโรงแรม ตั๋วเครื่องบิน จ่ายบิล ซื้อของใช้ หรือแม้แต่ซื้อรถ ซื้อบ้าน ที่เดี๋ยวนี้สามารถทำได้บนมือถือภายในไม่กี่วินาที
แต่อย่างไรก็ตามประโยชน์ก็มาพร้อมกับ ‘โทษ’ หากผู้ใช้ไม่เข้าใจวิธีการใช้งานและแนวทางรับมือที่ถูกต้องและเหมาะสมก็อาจจะนำมาซึ่งปัญหาที่เราเรียกว่า ‘ภัยไซเบอร์’
ภัยไซเบอร์ทุกวันนี้มาในสารพัดรูปแบบ ทั้งการกลั่นแกล้งพาทัวร์มาลง การล่อลวงออกไปพบคนแปลกหน้า การโกงเงินจากการซื้อของ การทิ้งร่องรอยการใช้งานจนนำมาซึ่งการขโมยรหัสผ่าน แฮ็กข้อมูลส่วนตัว แก๊งคอลเซนเตอร์มิจฉาชีพที่ยังหลอกผู้คนอยู่ทุกวันนี้ หรือแม้แต่การล้อเลียนกันบนโซเชียล สร้างปมด้อยให้คนคนนั้นจนเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาสังคมต่างๆ มากมาย
เรื่องนี้ทำให้ AIS บริษัทโทรคมนาคมเริ่มโครงการ ‘อุ่นใจไซเบอร์’ มาตั้งแต่ปี 2562 ถือเป็นแบรนด์แรกๆ ที่ออกมาพูดถึงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้งานในช่วงเวลาที่คนไทยมีอัตราการใช้งานอินเทอร์เน็ตและมือถือค่อนข้างสูง
ที่ผ่านมา AIS ได้ใช้ภารกิจนี้ในการร่วมสร้างสังคมดิจิทัลให้ดีและปลอดภัยยิ่งขึ้นผ่านการทำงานในสองมิติ คือ หนึ่ง–นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาเป็นเครื่องมือเพื่อช่วยให้ผู้คนใช้งานได้อย่างปลอดภัย และสอง–การสร้างภูมิปัญญาในลักษณะขององค์ความรู้เพื่อส่งเสริมและสร้างทักษะดิจิทัลให้คนไทยรู้เท่าทัน พร้อมอยู่กับโลกดิจิทัลได้อย่างปลอดภัยและสร้างสรรค์
และล่าสุด คือการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันภัยไซเบอร์ครั้งแรกของไทยซึ่งถูกนำไปใช้จริงแล้วกับคุณครูและนักเรียนทั่วประเทศไทย
หลักสูตรที่ว่านี้มีหน้าตาเป็นยังไง? ทำยังไงให้นำไปใช้จริงได้? และทำไมบริษัทโทรคมนาคมถึงไม่เน้นแค่การพัฒนาบริการแต่ยังลงมือทำหลักสูตรด้านดิจิทัลให้เด็กๆ และคุณครูด้วย? คอลัมน์ In Good Company ชวนพาไปหาคำตอบ
พัฒนาคุณภาพเครือข่ายพร้อมกับคุณภาพชีวิต
“เป้าหมายการทำงานของ AIS ไม่ได้มุ่งเน้นเพียงการพัฒนาคุณภาพเครือข่ายเพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานเท่านั้นแต่เราตระหนักถึงการสร้างสังคมดิจิทัลให้ดีขึ้นด้วย” คุณสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS เล่าถึงความตั้งใจขององค์กร
“ดังนั้นตั้งแต่ปี 2562 เราจึงเปิดตัวโครงการอุ่นใจไซเบอร์เพื่อเป็นแกนกลางสร้างเครือข่าย ชวนทุกภาคส่วนเข้ามาร่วมสร้างการเปลี่ยนแปลงทางบวกให้กับสังคมดิจิทัลของไทย
“วันนี้ AIS จึงร่วมมือกับกระทรวงต่างๆ เช่น กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุขมาพัฒนาเนื้อหาหลักสูตรร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และมี สพฐ. กระทรวงศึกษาธิการมาช่วยรับรองให้เป็นไปตามมาตรฐานของหลักสูตรด้านการศึกษา พร้อมให้นักเรียนสามารถเข้ามาเรียนได้ และสุดท้ายกระทรวงมหาดไทยที่จะช่วยพวกเราส่งต่อหลักสูตรไปยังโรงเรียนในสังกัด”
อุ่นใจไซเบอร์ พัฒนาความฉลาดทางดิจิทัลด้วยหลักสูตร ‘4P4ป’
สำหรับเนื้อหาหลักสูตรอุ่นใจไซเบอร์ รศ. ดร.สุวิทย์ แซ่เตีย อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีและผู้ร่วมพัฒนาสูตรดิจิทัลอุ่นใจไซเบอร์ เล่าว่าที่มาของหลักสูตรอ้างอิงมาตรฐานการพัฒนาทักษะทางดิจิทัลของ DQ Framework (Digital Intelligence Quotient) และได้ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตมาปรับเนื้อหาให้สอดคล้องกับบริบทของสังคมไทย จนสามารถแบ่งเนื้อหาออกเป็น 4 ส่วนสำคัญ หรือที่เรียกกันด้วยชื่อย่อง่ายๆ ว่า ‘4P4ป’ ได้แก่
1. Practice : ปลูกฝังให้มีความรู้ ความเข้าใจในการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างถูกต้องและเหมาะสม
2. Personality : แนะนำการปกป้องความเป็นส่วนตัวบนโลกออนไลน์
3. Protection : เรียนรู้การป้องกันภัยไซเบอร์บนโลกออนไลน์
4. Participation : รู้จักการปฏิสัมพันธ์ด้วยทักษะและพฤติกรรมการสื่อสารบนออนไลน์อย่างเหมาะสม
คุณครูและนักเรียนจะได้เรียนหลักสูตรผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล LearnDi หรือแอพพลิเคชั่น อุ่นใจ CYBER โดยนักเรียนจะต้องทำข้อสอบจริงให้ได้คะแนนมากกว่า 70% ขึ้นไปถึงจะสามารถผ่านและจบหลักสูตรอุ่นใจไซเบอร์ได้
ช่วงต้นปี 2565 หลักสูตรอุ่นใจไซเบอร์ ได้เริ่มนำไปใช้แบบนำร่องกับการเรียนการสอนบางแห่งในระบบ Sandbox หรือระบบทดสอบแบบเสมือนจริง มีครูและนักเรียนที่เข้าเรียนและสอบผ่านไปแล้วกว่า 160,000 คน ถือเป็นความสำเร็จที่ ศ. ดร.สุวิทย์มองว่าเกิดจากความร่วมมือของทุกภาคส่วนที่อยากให้ทุกคนเป็นพลเมืองดิจิทัลที่มีคุณภาพ
“ความร่วมมือครั้งนี้เกิดขึ้นจากความตั้งใจในการทำงานร่วมกันของคณาจารย์ บุคลากร ด้วยการใช้ศักยภาพของคณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยี (มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี) ซึ่งมีความสอดคล้องกับเป้าหมายของโครงการ คือพัฒนานวัตกรรมการเรียนรู้
“เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การเรียนรู้ในหลักสูตรนี้จะช่วยให้ทุกคนที่ปรับตัวในการใช้ชีวิตในยุคดิจิทัล เป็นพลเมืองดิจิทัลที่มีคุณภาพและใช้ชีวิตบนโลกออนไลน์อย่างปลอดภัย”