แจกไฟล์ฟรี สื่อการสอนภาษาไทย บัญชีคำพื้นฐาน ป.1-ป.6 (ไฟล์ word)
แจกไฟล์ฟรี สื่อการสอนภาษาไทย บัญชีคำพื้นฐาน ป.1-ป.6 (ไฟล์ word)
แจกไฟล์ฟรี สื่อการสอนภาษาไทย บัญชีคำพื้นฐาน ป.1-ป.6 (ไฟล์ word)
แจกไฟล์ฟรี สื่อการสอนภาษาไทย บัญชีคำพื้นฐาน ป.1-ป.6 (ไฟล์ word) สวัสดีครับวันนี้ สื่อการสอนฟรี ดอทคอม ขอแนะนำสื่อการสอนวิชา ภาษาไทย ดีๆกันอีกเช่นเคย คือ บัญชีคำพื้นฐาน ป.1-ป.6 (ไฟล์ word)
บัญชีคำพื้นฐาน ที่ใช้ในการเรียนการสอนภาษาไทยฉบับนี้ เป็นผลจากการศึกษาคำพูดของนักเรียนระดับประถมศึกษา ซึ่งมีวิธีการศึกษา และรายละเอียดต่างๆ ดังต่อไปนี้
วิธีดำเนินการศึกษา
๑. กลุ่มตัวอย่าง กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา มี ๒ กลุ่ม คือ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการรวบรวมคำพูดและกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการทดสอบความสามารถในการอ่านและเขียน
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการรวบรวมคำพูด ประกอบด้วย นักเรียนชั้นประถมศึกษาในโรงเรียนประถมศึกษาสังกัดกรุงเทพมหานครและสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ สุ่มตัวอย่างโดยใช้วิธีการแบบสุ่มหลายระยะ (Multi – Stage Sampling) การสุ่มตัวอย่างจังหวัดและอำเภอ ใช้วิธีจับฉลากโดยสุ่มจังหวัดจากเขตการศึกษา และสุ่มอำเภอจังหวัดและอำเภอ ได้จังหวัดจำนวน ๓๖ จังหวัด และกรุงเทพมหานครจำนวนอำเภอ ๓๖ อำเภอ และ 3 เขต ต่อจากนั้นสุ่มโรงเรียนในอำเภอหรือเขตที่เป็นกลุ่มตัวอย่าง อำเภอหรือเขตละ 3 โรงเรียน คือ โรงเรียนที่ตั้งอยู่ในชุมชนซึ่งเป็นที่ตั้งของอำเภอหรือเขต โรงเรียนที่อยู่ห่างจากที่ตั้งอำเภอหรือเขตไม่เกิน ๘ กิโลเมตร และโรงเรียนที่อยู่ห่างจากที่ตั้งอำเภอหรือเขตมากกว่า ๑๒ กิโลเมตรขึ้นไป
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการทดสอบความสามารถในการอ่านและเขียน เป็นนักเรียนที่เลือกจากห้องเรียนที่สุ่มโดยวิธีเดียวกับกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการรวบรวมคำพูด จากจังหวัดต่างๆ เกือบทุกเขตการศึกษา ซึ่งเลือกแบบเฉพาะเจาะจง ได้นักเรียนจำนวนทั้งสิ้น ๙๐๐ คน
๒. เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา มี ๒ ประเภท คือ เครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมคำพูดของนักเรียนประกอบด้วย แบบสัมภาษณ์ ซึ่งใช้สัมภาษณ์ในสถานการณ์ควบคุมและสถานการณ์อิสระ เครื่องบันทึกเสียงและแถบบันทึกเสียง เครื่องมือที่ใช้ในการทดสอบความสามารถในการอ่านและการเขียน เป็นแบบทดสอบการอ่านและการเขียนคำ สำหรับนักเรียนกลุ่มอายุ ๖ ปี / ป.๑ ๗ ปี/ ป.๒ ๘ ปี / ป. ๓ ซึ่งจากบัญชีคำที่หลอมรวมจากบัญชีคำพูดของนักเรียนภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ จำนวนคำที่นำมาทดสอบในชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ ครั้งที่ ๑ จำนวน ๘๙๗ คำ ครั้งที่ ๒ จำนวน ๑,๑๔๗ คำ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ ครั้งที่ ๑ จำนวน ๑,๖๘๕ คำ ครั้งที่ ๒ จำนวน ๑,๑๔๗ คำ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ ครั้งที่ ๑ จำนวน ๒,๔๒๖ คำ ครั้งที่ ๒ จำนวน ๒,๗๐๒ คำ ข้อทดสอบทุกฉบับของทุกชั้นจะใช้สอบครบทุกจังหวัด และข้อทดสอบแต่ละฉบับจะมีนักเรียนสอบประมาณ ๑๐๐ – ๑๕๐ คน
๓. การเก็บรวบรวมข้อมูล ดำเนินการดังนี้
๓.๑ ประชุมบุคลากรที่รับผิดชอบในการรวบรวมคำพูดของนักเรียนกลุ่มอายุต่างๆ เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจและวิธีปฏิบัติงานให้บรรลุวัตถุประสงค์
๓.๒ เก็บข้อมูลในโรงเรียนกลุ่มตัวอย่าง ๒ ครั้ง คือ ครั้งที่ ๑ ระหว่างเดือน ตุลาคม – พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๒๙ และครั้งที่ ๒ ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคม พ.ศ. ๒๕๓๐ โดยการสัมภาษณ์ตามแบบสัมภาษณ์ที่สร้างขึ้นและบันทึกเสียงของนักเรียนลงในแถบบันทึกเสียง
๓.๓ ทดสอบความสามารถในการอ่านและการเขียนของนักเรียนโดยใช้แบบทดสอบที่สร้างขึ้นไปทดสอบนักเรียนที่เป็นกลุ่มตัวอย่าง จำนวน ๒ ครั้ง คือ ครั้งที่ ๑ ระหว่างวันที่ ๑๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๐ – ๑๕ มกราคม พ.ศ. ๒๕๓๑ และครั้งที่ ๒ ระหว่างวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ – ๑๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๓๑
๔. การวิเคราะห์ข้อมูล
๔.๑ การวิเคราะห์คำพูดของนักเรียน เมื่อเก็บรวบรวมข้อมูลแต่ละครั้งได้แล้วผู้สัมภาษณ์จะถอดคำพูดของนักเรียนทุกคำจากแถบบันทึกเสียงเป็นลายลักษณ์อักษร และนำคำพูดเหล่านี้มาแจกแจงความถี่แยกเป็นรายเขตการศึกษา แล้วรวมเป็นภาคภูมิศาสตร์ได้แก่ ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคใต้ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การแจกแจงคำพุดของนักเรียน แจกแจงทุกคำ ยกเว้นคำที่เป็นชื่อเฉพาะ คำหยาบ จำนวนนับ และคำในเนื้อเพลงที่นักเรียนร้อง จากนั้นนำคำเหล่านั้นมาวิเคราะห์ตามชนิดของการสร้างคำเป็นคำเดี่ยว คำประสม คำซ้อน คำซ้ำ และคำผสาน และวิเคราะห์คำตามหน้าที่ของคำเป็นคำนาม คำสรรพนาม คำกริยา คำขยาย คำเชื่อม และคำลงท้าย คำที่เป็นภาษาถิ่นแยกออกมาไว้อีกบัญชีหนึ่ง และแยกตามกลุ่มภาษาที่ใช้ในภาคต่างๆ คือกลุ่มภาษาถิ่นภาคเหนือกลุ่มภาษาถิ่นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และกลุ่มภาษาถิ่นภาคใต้ คำภาษาถิ่นนี้ ให้ครูผู้สัมภาษณ์เป็นผู้แปลความหมายของคำให้ โดยเลือกความหมายที่เด่นและใช้เสมอ ต่อจากนั้นมีการตรวจสอบความหมายของคำกับผู้บอกภาษา แล้วจัดทำบัญชีคำเรียงตามพจนานุกรม
๔.๒ การวิเคราะห์ผลการทดสอบความสามารถในการอ่าน เขียนคำ เพื่อดูความยากง่ายของคำ นำไปเป็นพื้นฐานในการจัดลำดับขั้นการเรียนรู้ พิจารณาค่าความยากโดยใช้สูตรดังนี้
ค่าความยาก (P) =
คำใดมีค่าความยาก (P) สูง หมายความว่าเป็นคำง่ายควรเรียนก่อน และคำใดที่มีค่าความยาก (P) ต่ำ หมายความว่าเป็นคำยาก ควรเรียนภายหลังหรือเรียนในชั้นที่สูงขึ้น
๔.๓ การกำหนดบัญชีคำพื้นฐานสำหรับนักเรียนแต่ละชั้นมีวิธีการดังนี้
๔.๓.๑ การกำหนบัญชีคำพื้นฐานชั้นเด็กเล็ก นำคำที่มีความถี่ ๑๐๐ ขึ้นไปจนถึงคำที่มีความถี่สูงสุด มาพิจารณาคัดเลือกคำให้นักเรียนเรียนในลักษณะคำคุ้นตา (Sight Words) เกณฑ์การพิจารณาคัดเลือกมี ๓ ลักษณะ คือ คำที่เป็นรูปธรรมสามารถแสดงเป็นภาพได้ คำที่แสดงกิริยาอาการให้เป็นที่เข้าใจได้อย่างเด่นชัด และคำที่นักเรียนใช้บ่อยแต่ไม่สามารถแสดงเป็นภาพหรือกิริยาอาการได้
๔.๓.๒ การกำหนดบัญชีคำพื้นฐานชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ นำบัญชีคำที่ไปทดสอบค่าความยาด (P) มาแล้ว และได้คำที่มีค่าความยากในระดับต่างๆ นำมาพิจารณาจัดคำตามเกณฑ์โครงสร้างของคำทางภาษาศาสตร์ โดยใช้เกณฑ์ดังต่อไปนี้
คำเดี่ยวง่าย โครงสร้างของคำประกอบด้วย
(๑) พสส + ว = พยัญชนะต้น + สระเสียงยาว + วรรณยุกต์
(๒) พสสพ + ว = พยัญชนะต้น + สระเสียงยาว + พยัญชนะสะกด + วรรณยุกต์
(๓) พส + ว = พยัญชนะต้น + สระเสียงสั้น + วรรณยุกต์
(๔) พสพ + ว = พยัญชนะต้น + สระเสียงสั้น + พยัญชนะสะกด + วรรณยุกต์ (เริ่มจากสระมีรูปไปจนถึงสระลดรูป)
(๕) พพสส + ว = พยัญชนะต้นควบกล้ำ + สระเสียงยาว + วรรณยุกต์
นอกจากโครงสร้างของคำใน (๑) + (๕) แล้ว ให้พิจารณาคำผสานซึ่งมีโครงสร้างเช่นเดียวกันด้วย
คำเดี่ยวยาก โครงสร้างของคำประกอบด้วย
(๑) พพสสพ + ว = พยัญชนะต้นควบกล้ำ + สระเสียงยาว + พยัญชนะสะกด + วรรณยุกต์
(๒) พพสพ + ว = พยัญชนะต้นควบกล้ำ + สระเสียงสั้น + พยัญชนะสะกด + วรรณยุกต์ (เริ่มจากสระมีรูปไปจนถึงสระลดรูป
(๓) พ (พ) สสพพ + ว = พยัญชนะต้น หรือพยัญชนะต้นควบกล้ำ + สระเสียงยาว + พยัญชนะสะกด + พยัญชนะสะกด + วรรณยุกต์
(๔) พ (พ) สพพพ + ว = พยัญชนะต้น หรือพยัญชนะต้นควบกล้ำ + สระเสียงสั้น + พยัญชนะสะกด + พยัญชนะสะกด + พยัญชนะสะกด + วรรณยุกต์
(๕) พ (พ) สพพพ + ว = พยัญชนะต้น หรือ พยัญชนะต้นควบกล้ำ + สระเสียงยาว + พยัญชนะสะกด + พยัญชนะสะกด + พยัญชนะสะกด + วรรณยุกต์
(๖) พ (พ) สสพพ + ว = พยัญชนะต้น หรือ พยัญชนะควบกล้ำ + สระเสียงยาว + พยัญชนะสะกด + พยัญชนะสะกด + พยัญชนะสะกด + วรรณยุกต์
นอกจากโครงสร้างของคำในข้อ (๑) – (๖) แล้ว ให้พิจารณาคำผสาน ซึ่งมีโครงสร้างเช่นเดียวกันด้วย
คำประสมง่าย โครงสร้างของคำประกอบด้วย การนำคำเดี่ยวง่ายมาประสมกันตั้งแต่ ๒ คำขึ้นไป ทำให้เกิดความหมายใหม่
คำประสมยาก โครงสร้างของคำประกอบด้วยการนำคำเดี่ยวยากมาประสมกันหรือนำคำเดี่ยวง่ายและคำเดี่ยวยากมาประสมกันตั้งแต่ ๒ คำขึ้นไป ทำให้เกิดความหมายใหม่
เมื่อจัดคำตามเกณฑ์โครงสร้างทางภาษาศาสตร์แล้วจัดบัญชีคำตามลำดับขั้นการเรียนรู้โดยกำหนดให้ใช้คำเดี่ยวง่ายทั้งหมด กำหนดเป็นบัญชีคำที่เรียนในชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑
๔.๓.๓ การกำหนดบัญชีคำพื้นฐานชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ นำบัญชีคำที่ไปทดสอบค่าความยาก (P) มาแล้ว และได้คำที่มีค่าความยากในระดับต่างๆ มาพิจารณาจัดทำตามเกณฑ์โครงสร้างของคำทางภาษาศาสตร์ โดยใช้เกณฑ์เช่นเดียวกับข้อ ๔.๓.๒ แล้วจัดบัญชีคำตามลำดับขั้นการเรียนรู้ โดยกำหนดให้ใช้คำเดี่ยวง่าย คำเดี่ยวยาก และคำประสมง่ายในบัญชีคำชั้นนี้ รวมทั้งคำเดี่ยวยาก และคำประสมยาก จากบัญชีคำในชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ ที่ได้จัดไว้ตามข้อ ๔.๓.๒ เป็นบัญชีคำพื้นฐานประถมศึกษาปีที่ ๒
๔.๓.๔ การกำหนดบัญชีคำพื้นฐานชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ นำบัญชีคำที่ไปทดสอบค่าความยาก (P) มาแล้ว และได้คำที่มีค่าความยากในระดับต่างๆ มาพิจารณาจัดคำตามเกณฑ์โครงสร้างของคำทางภาษาศาสตร์เช่นเดียวกับข้อ ๔.๓.๒ แล้วจัดบัญชีคำตามลำดับขั้นการเรียนรู้โดยกำหนดให้ใช้คำเดี่ยวง่าย คำประสมง่าย คำเดี่ยวยาก และคำประสมยาดในบัญชีคำชั้นนี้รวมทั้งคำประสมยากจากบัญชีคำในชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ และ ๒ (ในข้อ ๔.๓.๒ และ ๔.๓.๔ ) เป็นบัญชีคำพื้นฐานชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓
รายละเอียดของบัญชีคำแต่ละชั้น
๑. บัญชีคำชั้นเด็กเล็ก มีจำนวน ๒๔๒ คำ จำแนกเป็นคำนาม จำนวน ๑๗๕ คำ จัดประเภทของคำได้ ๑๒ หมวด คือ หมวดที่เกี่ยวกับตำแหน่ง + อาชีพ มี ๑๕ คำ เครือญาติ มี ๑๔ คำ อวัยวะ มี ๒๒ คำ เครื่องแต่งกาย – เครื่องนอน มี ๑๑ คำ ดอกไม้มี ๔ คำ ผลไม้มี ๑๘ คำ และสถานที่ มี ๑๒ คำ คำกริยา คำเชื่อม และคำอื่นๆ สิ่งของ มี ๒๗ คำ พาหนะ มี ๔ คำ และสถานที่ มี ๑๒ คำ คำกริยา คำเชื่อม และคำอื่นๆ อีก ๖๑ คำ
๒. บัญชีคำพื้นฐานชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ มีจำนวนทั้งสิ้น ๗๐๘ คำ มีลักษณะเป็นคำเดี่ยวง่ายทั้งหมด
๓. บัญชีคำพื้นฐานชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ มีจำนวนทั้งสิ้น ๑,๐๙๘ คำ เป็นคำเดี่ยวง่าย จำนวน ๓๕๗ คำ คำประสมง่าย จำนวน ๔๑๕ คำ และคำเดี่ยวยากจำนวน ๓๒๗ คำ
๔. บัญชีคำพื้นฐานชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ มีจำนวนทั้งสิ้น ๑,๒๑๐ คำ เป็นคำเดี่ยวง่าย จำนวน ๓๔๐ คำ คำประสมง่าย จำนวน ๒๘๘ คำ คำเดี่ยวยากจำนวน ๑๖๘ คำ และคำประสมยาก จำนวน ๔๑๔ คำ
ประโยชน์ของบัญชีคำพื้นฐาน
๑. ใช้ในการพัฒนาหลักสูตรภาษาไทย ในแง่ของการกำหนดเนื้อหา คือการกำหนดคำที่ใช้ในการเรียนการสอนภาษาไทยแต่ละระดับชั้น
๒. ใช้ในการพัฒนาหนังสือเรียน แบบฝึกหัด และหนังสือเสริมประสบการณ์ต่างๆ โดยการนำคำไปใช้แต่งหนังสือและฝึกฝนทักษะ
๓. ใช้ในการจัดทำและพัฒนาสื่อการเรียนการสอนภาษาไทยที่จำเป็น เช่น บัตรคำแผนภูมิเสริมประสบการณ์ การสร้างเรื่องราวในการแสดงหุ่น การเล่นเลียนแบบ บทบาทสมมุติ ฯลฯ
ข้อเสนอแนะในการนำบัญชีคำพื้นฐานไปใช้
๑. บัญชรคำพื้นฐานในชั้นเด็กเล็ก หรือบัญชีคำคุ้นตา ซึ่งมีจำนวนคำทั้งสิ้น ๒๔๒ คำ นั้น เ เป็นคำที่เด็กเล็กใช้พูดในชีวิตประจำวันที่มีความถี่สูง การนำคำคุ้นตาไปสอนอ่านควรคัดเลือกคำที่ใช้บ่อยในท้องถิ่น และในสถานการณ์ต่างๆ การกำหนดจำนวนคำไม่ควรมากเกินไป ควรอยู่ระหว่าง ๑๐๐ – ๑๕๐ คำ สำหรับการสอนอ่านคำคุ้นตานี้ ไม่จำเป็นต้องให้นักเรียนอ่านแบบแจกลูกและสะกดคำหรือผัน ให้อ่านเป็นคำและเข้าใจความหมายของคำนั้นๆ
๒. บัญชีคำพื้นฐานในชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ -๓ ซึ่งมีจำนวนคำทั้งสิ้น ๓,๐๑๖ คำ เป็นคำที่ทดสอบความยากง่ายในการอ่านและการเขียนมาแล้ว โดยคัดเลือกจากจำนวนคำของบัญชีคำแต่ละชั้นซึ่งนักเรียนใช้พูดในชีวิตประจำวันที่มีความถี่สูง ดังนั้นคำเหล่านี้จึงเป็นคำที่ควรเรียนในชั้นต่างๆ ตามที่กำหนด แต่การพิจารณานำคำไปใช้ในแต่ละชั้นควรพิจารณาคัดเลือกอีกครั้งหนึ่ง โดยพิจารณาคำที่จำเป็นต้องใช้ในท้องถิ่นนั้นๆ และตามสถานการณ์ต่างๆ รวมทั้งพิจารณากำหนดจำนวนคำให้เหมาะสม
๓. คำที่กำหนดใช้ในบัญชีคำพื้นฐานแต่ละชั้นไม่ควรถือเป็นหลักตายตัวมากนักควรปรับปรุงได้ตามความเหมาะสม คำในบัญชีคำชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ อาจปรับมาใช้ในชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ ได้ ทั้งนี้ควรพิจารณาค่าความยากของการอ่านและการเขียนด้วยเพื่อให้การใช้คำเหมาะสมกับวัยและตามลำดับขั้นการเรียนรู้ของนักเรียน สำหรับคำบางคำที่ยากมาก แต่มีความจำเป็นต้องใช้ในระดับชั้นนั้นๆ ก็อาจนำมาใช้ได้ แต่ควรจะได้ชี้แจงให้ผู้สอนทราบว่าเป็นคำที่ยากสำหรับชั้นนั้นๆ พร้อมทั้งเสนอแนะวิธีสอนไว้เป็นพิเศษด้วย
๔. เขตการศึกษาแต่ละเขตหรือจังหวัดต่างๆ ควรนำคำบัญชีคำพื้นฐานในระดับชั้นต่างๆ ไปทดสอบค่าความยากของการอ่านและเขียน เพื่อจัดทำบัญชีคำอ่านและคำเขียน ในเขตการศึกษาหรือจังหวัดของตน และนำไปใช้ในการปรับปรุงการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
6
๕. การนำคำจากบัญชีคำพื้นฐานเหล่านี้ไปใช้ในการสร้างสื่อการเรียนการสอนในกลุ่มประสบการณ์ต่างๆ นอกจากจะใช้คำจากบัญชีคำพื้นฐานแล้ว ควรพิจารณานำคำที่ใช้เฉพาะกลุ่มประสบการณ์นั้นๆ มาใช้ประกอบด้วย
——————————-
สามารถดาวน์โหลดบัญชีคำพื้นฐานได้ ตามลิงค์ข้างล่างนี้
บัญชีคำพื้นฐาน ชั้น ป.๑-๖ ไฟล์ word
บัญชีคำพื้นฐาน ชั้น ป.๑-๖ ไฟล์ PDF